Wednesday, October 17, 2012

ถนนเฉลิมพระเกียรติ์ ๘๐ พรรษา(ชาวบ้านเรียกว่าสะพานเอกชัย)



สะพานเอกชัย ที่อยู่ไม่ไกล เป็นสะพานเชื่อม ระหว่างฝั่ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุงกับ อ.ระโนด จ.สงขลา มีความยาวหลายกิโลเมตร

 

ถนนเฉลิมพระเกียรติ์ ๘๐ พรรษา(ชาวบ้านเรียกว่าสะพานเอกชัย)เป็นต้นทางของสะพานที่จะข้ามไป
อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งมองเห็นลิบๆ อยู่ทางทิศตะวันออก
 

ถนนยกระดับ-ข้ามทะเลสาบ

ถนนยกระดับ-ข้ามทะเลสาบจากทะเลน้อย อ.ควนขนุน พัทลุง-อ.ระโนด สงขลา
เพิ่งผ่านเมื่อวานครับ...สวยครับ
มีที่พักจอดให้ดูนกด้วย อากาศดีมาก


 






พายเรือจะเจ็บ ข้อมืออีกมั้ยเนี่ย เออ พอนึกถึงเรือและดอกบัว ก้ออยากจะเล่าใบพายและคนอาภัพฟังนะ วันก่อนพรานไพร ขับรถ จยย. จากหาดใหญ่ไปพัทลุง และไปทะเลน้อย มีดอกบัวสวยมากเลย เขาว่ากันว่าช่วงเดือนกุมภาจะสวยกว่านี้ เมื่อก่อนจะดูวิวในทะเลต้องนั่งเรือครับ แต่ตอนนี้ขับรถผ่านถนนยกระดับจากฝั่งทะเลด้านนึง ไปอีกด้านสบายมาเลย วันนั้นพรานไพรขับรถ จยย. ออกจากหาดใหญ่เช้า ทานข้าวที่ป่าบอน-พัทลุง-เขาปู่-ทะเลน้อย(นอนเล่นที่ศาลา สบายมากเลย)-ระโนต-สทิงพระ(ทานอาหารเย็นที่นี่)-สงขลา- แล้ววกมาหาดใหญ่อีกครั้ง ร่วม 300 กม.มั้ง สนุกครับ อย่าตาร้อนนะ อิอิ / และนี่คือต้นเหตุของการเจ็บข้อมือ

การเดินทาง
เริ่มต้นจากหาดใหญ่ออกสายลพบุรี-ราเมศร์ -> เที่ยวเกาะยอ
ตรงไปสะทิ้งพระ -> นมัสการพ่อทวดวัดพะโค๊ะ
เดินทางต่อไปอำเภอระโนด ให้เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยก(สี่แยกหัวไทร?) เข้าตัวอำเภอ ตรงไปเรื่อยๆ จนสุดถนน (หน้าที่ทำการอำเภอ) เลี้ยวขวาข้ามสะพาน เดินทางต่อไปต.ตะเครียะ
................ระยะทางจากหาดใหญ่ถึงตรงนี้ประมาณ 100 กม......................
ตรงไปเรี่อยจะถึงทางยกระดับยาวประมาณ 1 กม. ชมวิวข้างทาง 5-6 โมงเย็นจะสวยกว่าเวลาอื่น
ลงจากทางยกระดับเข้าพัทลุง เจอทางแยก ซ้ายไปหาดลำปำ (น่าเที่ยว สถานที่สวย ร่มรื่น) ขวาไปทะเลน้อย (ควรไปทะเลน้อยก่อน ค่อยวกกลับไปหาดลำปำ จากหาดลำปำเข้าตัวจังหวัดพัทลุง กลับหาดใหญ่)
ถ้าจะเที่ยวให้จุใจใช้เวลา 1 วันเต็ม เที่ยวสบายๆเหมาะสำหรับครอบครัว ความปลอดภัยสูง
ใช้เวลาที่ทะเลน้อย 1-2 ชม. นั่งเรือดูนก ดอกบัว พันธุ์ไม้น้ำ แล้วค่อยมาพักหายเหนื่อยที่หาดลำปำ
........................ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 250 กม...(พัทลุง-หาดใหญ่ 90 กม.)..............................

ทริบนี้คุ้ม ... รับประกัน
 


 ..กุ้งแม่น้ำ อบเกลือ ที่"ลำปำ"..หรอยจังฮู้

บอกบังสะหม้อนะ คนเท่เริ่นพี่พรานไม่มีปัญหา เรื่องแผลไม่มี เรื่องเอดส์ก้าป้องกันได้ แตแหลงแล้วเจ็บในหัวใจบังสะหม้อเหอ ของพวกนั้นหมันแหลงลม พี่พรานละกลัวจริงๆ กลัวแพ้น็อคคาอกน้อง ไม่อยากเป็นข่าวขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์เลย เลยได้แค่ซ้อนท้ายไป แล้วก้าซ้อนท้ายมา ฮือ ฮือ อยากร้องไห้ อิอิ

บอกบังสะหม้ออีกที วันนั้น ที่พี่พรานขับรถทางไกล ต้องการทดสอบรถ และคนขับว่าไหวหรือไม่ ปรากฏว่าผ่าน แต่คนซ้อนท้ายไม่ผ่าน มีอาการเมื่อยหลังและเจ็บเอว ต้องหยุดพักเกือบทุก 50 กม. คราวหน้าตั้งใจขับรถเครื่องคันนี้ละ ไปภูเก็ต แต่คงบินเดี่ยวมากกว่า เพราะตั้งใจว่าจะหยุดรถในระยะขับ 3-4 ชั่วโมง

บอกทุกท่านที่จะไปเที่ยวทะเลน้อยและผ่านถนนยกระดับ เส้นทางแถวอำเภอสทิงพระ จากสี่แยกม่วงงาม ถึง ตัวอำเภอกำลังมีการปรับปรุงถนนใหม่ เส้นทางไม่ค่อยดีนัก ต้องระมัดระวังในการขับขี่ พรานไพรเจ็บข้อมือแถวๆ นี้ เพราะใช้ความเร็วสูงเกินไป ให้ทุกท่านมีความสุขในการท่องเที่ยวนะครับ

ล่องเรือ แลนก ทะเลน้อยยย

อยากจะพาทู๊กกกคนน   ไปเที่ยวทะเลดอกบัวจังเลยค่ะ  หรือที่รู้จักกันว่า  "ทะเลน้อย"  นั่นเอง
มันอยุ่ไม่ใกล้ไม่ไกลนะค่ะ  ที่พัทลุงบ้านนู๋เอง
มันเป็นทะเลที่ไม่เหมือนใคร  แล้วก็ไม่มีใครเหมือนนด้วย  
และยังเป็นอุทยานนกน้ำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสยามเลยก็ว่าได้
มันสวยมว๊ากกกก  สวยมากจิงๆนะค่ะ  ใครไม่เชื่อ  สงสัยต้องมาพิสูจน์แล้วแหละค่ะ
สถานที่ตั้งของมันอยู่ในอำเภอควนขนุน หุนหุนหุนหุน  (แฮะๆ  แฮกโก้  เยอะไปปปปอินู๋)  
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไป  32  กม.เท่านั้นเอง  
ทะเลน้อย  อย่าเข้าใจว่ามันเป็นทะเลน้ำเค็มนะค่ะ  ปล่าวเลยค่ะมันเป็นทะเลน้ำจืด  
ที่เต็มไปด้วยดอกบัวชูหน้าสล่อนไปสุดลูกหูลูกตา  
เดี๋ยวจะหาว่าโม้  งั้นเราไปดูกันให้เห็นกับตาดีกว่าค่ะว่ามันสวดดยอดแค่ไหนนนนนน  
ไปเลยค่ะ
ตะวันตกดิน  น่าพาหนุ่มๆมานั่งชมวิวแฮะ  ฮิ้วๆ

แดดร่มๆก็มาล่องเรือชมนกเก็บบัว  
นี่เป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแถบนี้
"ออกเรือหาปลา  ใช้ชีวิตแบบพอเพียง"
สะพานทอดยาวไปในทะเล  โอ๊ย..สุดแสนจะ romance
มาแล้วก้ไม่ต้องกลัวว่าไม่รู้จะไปพักที่ไหน เรามีบ้านพักกลางทะเลไว้สำหรับท่าน  Sealed
ไม่ต้องแปลกใจค่ะ  ที่เห็นดำๆนั่น  เค้าเรียกว่า  "ควายน้ำ"  ค่ะ
มีที่เดียวในประเทศสยามแห่งนี้  
บอกแล้วว่าพัทลุงเราไม่เหมือนใคร  แล้วก็ไม่มีใครเหมือนนน  
ควายน้ำ  เคยเห็นกันมั๊ยค่ะ  
ไม่ช่ายพัดลุงหาแลไม่ได้นะนิ
อันนี้เป็นสะพานชื่อว่า  "สะพานเอกชัยค่ะ"
ใครมาเลน้อยแล้วไม่ได้มาสะพานนี้  จะบอกว่าคุณพลาดแล้ว
สุดยอดจุดชมวิวมันอยุ่ีที่นี้
ที่เป็นเนินๆนั่นอย่าเข้าใจผิดนะค่ะ  ไม่ใช่เกาะ เกอะอะไรหรอกค่ะ  
มันคือที่อยู่ควายน้ำดีๆนี่เอง
อันนี้เป็นของฝากจากทะเลน้อยค่ะ   "เสื่อกระจูด" 
และที่ขาดไม่ได้  มาเลน้อยต้องซื้อนี่ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยทุกที
เห็นแล้วอดใจม่ายไหว  น้ำลายสอกันเลยทีเดียว
มันเป็นปลาสลิดตากแห้ง  ที่อร่อยมว๊ากกกกกก  หอมกำลังดี
หาที่ใหนไม่ได้อีกแล้วมีที่นี่ที่เดียวค่ะที่  "Phatthalung city"
ส่วนอันนี่เรียกว่า  "ปลาเฉ๊งฉ๊าง"  ฮ่าๆๆๆ
ชื่อแอบพิลึกไปนิดแต่ความอร่อยไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
สิ้นสุดดทริปนี้ต้องขอตัวไปหาอะไรกระแทกปากก่อนนะค่ะ  หิวมากกก
มาเที่ยวกันเยอะๆนะค่ะ  มาแลควายน้ำ กินหญ้า ขาชี้ฟ้า หน้ามุดน้ำ  แฮะๆๆ
ขี่รถเล่นบรรยากาศน่าชม ลมพัดเย็นๆ ที่สะพานเอกชัย
สุดท้ายแวะซื้อเคย ปลาดุกร้า ปลาแห้ง ที่หลาดเลน้อยนะ
ของเขาหรอยจริง ลองแลต๊ะมาแล้วไม่เสียเที่ยว
ไปก่อนนะค่ะ  ท้องร้องจ๊อกๆแล้วค่ะ  ราตรีสวัสค่ะ  จุ๊ฟๆ

ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ

ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ


 
ควายน้ำ ที่ทะเลน้อย
---------------------------------

        ช่วงนี้ชีพจรลงเท้าจริงๆ ทั้งๆที่เพิ่งผ่าตัดตา มาได้ไม่กี่วัน ขี้ตายังเยิ้มอยู่เลย ต้องไป อ.ชะอวดกับพรรคพวกอีกรอบทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมา

        ไปรอบก่อนตอนขากลับยังเล่าเรื่องไม่หมดเลย ได้เล่าแค่ แวะ วัดถลุงทอง วัดเดียว ยังมีวัดธาตุน้อย,วัดบางเหียน อีก 2 วัด ไปรอบนี้ ยิ่งหนักเข้าไปอีก เช่น วัดดอนศาลา,วัดบ้านสวน,วัดเขาอ้อ,วัดถ้ำสุมะโน ดังๆทั้งนั้นและยังอุตสาห์ข้ามเขาบรรทัดไปจนถึง อ.กันตัง จ.ตรัง โน่น แล้ววนกลับมาทาง อ.ห้วยยอด ถึง อ.ชะอวด ได้รอบพอดี คือแบบว่า “วันเดียวเที่ยว 3 จังหวัด” นครฯ-พัทลุง-ตรัง เอากะผมสิ กลับมาถึงภูเก็ต วันรุ่งขึ้น พรรคพวกชวนลงเรือออกทะเล ไปลองเรือใหม่อีกวัน เล่าอีก 3 เดือน จะจบหรือเปล่ายังไม่รู้ ฮึ ฮึ...

         ถ้าชอบก็คอยติดตามกันต่อไป ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ผมก็ยังเล่าไปเรื่อยๆ

เริ่มเรื่อง “ไปทะเลน้อย ดูควายน้ำ” กันเลย วันที่ 15 มิ.ย.53 เราออกเดินทางจากภูเก็ต เพื่อรับคนป่วยที่ อ.ชะอวดไปส่งที่โรงพยาบาล มอ.หาดใหญ่ในวันที่ 16 มิ.ย.53 ไปเช้า-เย็นกลับ ก็เป็นอันเสร็จภารกิจ

         ซึ่งความจริงภารกิจนี้เสร็จภายในวันเดียว แต่ พรรคพวกที่ไปด้วยกันยังต้องทำภารกิจ อย่างน้อยก็อีก 2 วัน ทีนี้จะนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่เดียวก็ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างผม ก็เลยชวนพรรคพวกไปเที่ยว “ทะเลน้อย” ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก อ.ชะอวด มากนักและก็ไม่มีใครขัดคอ เพราะชอบเที่ยวกันทุกคน

       เช้าวันที่ 17 มิ.ย.ฝนตกปรอยๆ ท้องฟ้าปิด บรรยากาศไม่ดีเลย เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังตั้งแต่เมื่อคืน ว่าฝนตกหนักมา 2 วันแล้ว จากการทำ “ฝนเทียม” เพื่อดับไฟที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าข้อมูลเป็นจริงหรือไม่อย่างไร

        พวกเราออกจากบ้านที่พักประมาณ 7 โมงเศษ ภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝน ใช้ถนนสาย “บ้านท่าประจะ” ไปขึ้น สายเอเชีย(ทุ่งสง-หาดใหญ่) แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าสาย 4048 จาก อ.ควนขนุน-ทะเลน้อย ระยะทาง ประมาณ 18 กิโลเมตร ผ่านวัดดอนศาลา,วัดบ้านสวนและวัดเขาอ้อ อันโด่งดัง พวกเราตั้งใจว่าจะแวะตอนขากลับ แล้วผมจะเล่าให้อ่านที่บล็อก “ ชำนาญ ไปวัด ” คอยติดตามกันนะครับ

        “ทะเลน้อย” อันเป็นส่วนหนึ่งของ "ทะเลสาบสงขลา" ผมเคยมา กิน นอน หลายครั้ง เพราะมีหลานเขยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่นี่ คงไม่ต้องบรรยาย ว่าการมาของผมแต่ละครั้งจะสุขโขสโมสรขนาดไหน งึกๆ งักๆ กลับภูเก็ตทุกครั้งเชียวแหละ

         มาวันนี้ หลานสาวบอกว่า หลานเขย ไปปฏิบัติภารกิจดับไฟอยู่ที่ “ป่าพรุควนเคร็ง” ผมเสียความตั้งใจนิดเดียว ซึ่งก็ไม่ได้บอกให้พรรคพวกรู้ตั้งแต่ต้น จึงเสียความตั้งใจไม่มาก ความจริงตั้งใจว่าเมื่อมาถึงแล้วจะชวนพรรคพวก นอนซึมซับบรรยากาศที่ "ทะเลน้อย" ซักคืน กับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนแบบนี้ ไม่เลวที่เดียว

        หลังจากทักทาย พูดคุยกับหลานสาวพอเป็นพิธี ก็พาพรรคพวกเดินเข้าไปภายในเขตที่ทำการอุทยาน ในฐานะคนคุ้นเคยพื้นที่ ติดตามมาครับ ดูภาพภายใต้ท้องฟ้าครึ้มฝนประกอบไปด้วย
--------------------------------------------------------------------------------------
จากลานจอดรถก็จะเป็นจุดบริการนักท่องเที่ยวต่อจากนั้นก็เป็นจุกชมวิว
ด้านหลังศาลาชมวิวจะเป็นตำหนัก
-----------------------------------------


ภาพซ้ายจุดชมวิวและดูนกส่วนภาพขวาเป็นศาลาพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยว
และเป็นท่าเรือที่จะไปท่องทะเลน้อย

----------------------






ซ้าย-ขวา เป็นที่ทำการอุทยานและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งห้องส่วนตัวและหมู่คณะ
ซึ่งผมมาตีลังกาหลายหน

----------------------------------------

กุ่มน้ำ งอกขึ้นมาจากในน้ำตามชื่อ ขึ้นอยู่ทั่วไปมีลูกแต่ไม่แน่ใจว่ากินได้หรือเปล่า เพราะไม่เคยลอง

----------------------------------------
พวกเราอยู่ภายในบริเวณอุทยานไม่นานนัก เพราะบรรยากาศไม่เอื้ออำนวย ฝนพรำตลอดเวลา
จึง ชวนกันออกมา เพื่อไปที่สะพานเอกชัย ที่อยู่ไม่ไกล เป็นสะพานเชื่อม ระหว่างฝั่ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุงกับ อ.ระโนด จ.สงขลา มีความยาวหลายกิโลเมตร


ถนนเฉลิมพระเกียรติ์ ๘๐ พรรษา(ชาวบ้านเรียกว่าสะพานเอกชัย)เป็นต้นทางของสะพานที่จะข้ามไป
อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งมองเห็นลิบๆ อยู่ทางทิศตะวันออก


--------------------------------------

จากบนสะพาน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกฝั่ง อ.ระโนด ด้านซ้ายมือเป็นทิศเหนือ ที่ขอบฟ้าสุดสายตาคือ "ป่าพรุควนเคร็ง" ที่ "ไฟของนายทุน "กำลังเผาผลาญบรรลัยวายวอด(ขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้อยู่ไฟยังไม่ดับ)เพื่อเอาพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน

------------------------------------

ธรรมชาติที่บริสุทธิผุดผ่องและวิถีชีวิตชาวบ้านที่แสนงดงาม ในทะเลน้อยของทะเลสาบสงขลา
อยากไปอยู่ขนำ ที่มองเห็นไกลๆนั่นซักเดือนเพื่อสงบจิตใจ อาจจะปลงได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

-------------------------------------------

เมื่อ จับ กุ้ง หอย ปู ปลา ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นได้แล้ว ก็เอาไปแปรรูปและนำมาวางขายที่เพิงริมถนนนั่นแหละให้นักท่องเที่ยว ได้ซื้อหา ในราคาไม่แพงเพื่อเป็นของฝากเพื่อนฝูงและญาติมิตรทางบ้าน
-------------------------------------------

จากหัวสะพานฝั่งอ.ระโนด มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นทิวเขาบรรทัดอันเป็นเทือกเขาเขตแดนกั้นระหว่าง จ.พัทลุงและ จ.ตรัง

-----------------------------------------
เกือบสองชั่วโมงบนสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ในบริเวณที่เรียกว่า "ทะเลน้อย" แล้วพวกเราก็จากมา เพื่อไปยัง "วัดเขาอ้อ" อันเป็นสำนักตักศิลาร่ำเรียนวิชาของ "ขุนพันธุรักษ์ราชเดช" ผู้มีฉายา "มือปราบหนวดแดง" ที่ลือลั่นเมื่ออดีตไม่นานและเจ้าตำหรับผู้สร้าง "จตุคาม-รามเทพปี๓๐" อันลือชื่อ
ติดตามต่อไปครับท่านผู้ชม ที่บล็อก "ชำนาญ ไปวัด" โดย ชำนาญ ณ.อันดามัน

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ