Thursday, September 13, 2012

ย่านเมืองเก่าสงขลา จ.สงขลา


ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านเมืองเก่าสงขลา จ.สงขลา ปัจจุบันถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึก คลาสสิคสไตล์ชิโน โปรตุกีส ศาลเจ้าพ่อกวนอู โรงแรมนางงาม โรงแรมไม้เก่าแก่ประดับลายฉลุไม้วิจิตรบรรจง และขนมอร่อย ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ให้เลือกชมและชิมอย่างเอร็ดอร่อย UpYim.com นำข้อมูล พร้อมภาพย่านเมืองเก่าสงขลา มาให้ดูและศึกษา กันค่ะ
ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านเมืองเก่าสงขลา ย่านเมืองเก่าสงขลาตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม เมื่ออดีตราว 200 ปีก่อน ตัวเมืองสงขลาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ เรียกว่า “เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน” จนกระทั่งพ.ศ. 2385 จึงขยายมาทางฝั่งทิศตะวันออกบริเวณตำบลบ่อยาง เรียกกันว่า “เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง” โดยเริ่มแรกมีถนนสองสายคือ ถนนนครนอก เป็นถนนเส้นนอกติดกับทะเลสาบ และถนนนครใน เป็นถนนเส้นในเมือง ต่อมามีการตัดถนนสายที่สามเรียกว่าถนนเก้าห้องหรือย่านเก้าห้อง เพื่องานสมโภชเสาหลักเมือง ต่อมาเรียกกันว่า ถนนนางงาม
ย่านเมืองเก่าสงขลา
ย่านเมืองเก่าสงขลา
วันเปิดทำการ: ทุกวัน /เวลาเปิดทำการ: 24 ชั่วโมง
ย่านเมืองเก่าสงขลา
    
    ย่านเมืองเก่าสงขลาตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง มีถนนสายสำคัญน่าเดินเที่ยว 3 สาย คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม เมื่ออดีตราว 200 ปีก่อน ตัวเมืองสงขลาตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ เรียกว่า "เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน" จนกระทั่งพ.ศ. 2385 จึงขยายมาทางฝั่งทิศตะวันออกบริเวณตำบลบ่อยาง เรียกกันว่า "เมืองสงขลาฝั่งบ่อยาง" โดยเริ่มแรกมีถนนสองสายคือ ถนนนครนอก เป็นถนนเส้นนอกติดกับทะเลสาบ และถนนนครใน เป็นถนนเส้นในเมือง ต่อมามีการตัดถนนสายที่สามเรียกว่าถนนเก้าห้องหรือย่านเก้าห้อง เพื่องานสมโภชเสาหลักเมือง ต่อมาเรียกกันว่า ถนนนางงาม

ปัจจุบันถนน นครนอก ถนนนครใน และถนนนางงามยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิคสไตล์ชิโนโปรตุกีส ศาลเจ้าพ่อกวนอู โรงแรมนางงาม โรงแรมไม้เก่าแก่ประดับลายฉลุไม้วิจิตรบรรจง และขนมอร่อย ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ให้เลือกชมและชิมอย่างเอร็ดอร่อย

เป็นถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่งดงาม เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของชาวสงขลาผ่านมุมมองทางสถาปัตยกรรม นอกจากนั้นถนนนางงามยังเป็นแหล่งของกิน และแหล่งซื้อของฝากที่มีชื่อเสียง

ข้อมูลโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
   
   
การเดินทาง

   ย่านเมืองเก่าสงขลาตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสงขลา.

I Carried You Home / Padang Besar ปาดังเบซาร์



ชื่ออื่นๆ :  I Carried You Home / Padang Besar
ชื่อไทย :  ปาดังเบซาร์
ผู้กำกับ :  ต้องปอง จันทรางกูร 
ผู้แต่ง :  ต้องปอง จันทรางกูร 
วันเข้าฉาย :  28/06/2012
ประเภท :   Drama 
ความยาว :  115 นาที 
สถานที่ถ่ายทำ :  Thailand 
ภาษา :  ไทย 



เนื้อเรื่องย่อ  ภาพยนตร์เล่าถึงครอบครัวๆหนึ่ง จากอำเภอปาดังเบซาร์ จังหวัดสงขลา เรื่องราวของแม่และลูกสาวสองคน ทั้งสองคนพี่น้องต่างคนต่างก็ต้องจากบ้านเกิด แยกกันใช้ชีวิตอยู่ในที่อื่นๆไปตามหนทางของแแต่ละคน แล้ววันหนึ่งทุกคนได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เมื่อวันหนึ่งแม่ได้มาเยี่ยมลูกสาวคนเล็กวัยมัธยมปลาย “ป่าน” (สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข) ที่ส่งมาอาศัยให้อยู่กับน้าสาวและเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพ แต่แม่ก็มาประสพอุบัติเหตุร้ายแรงจนเสียชีวิต ป่านรอจนกระทั่ง “ปิ่น” (จักจั่น อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) พี่สาวคนโต ที่หนีออกจากบ้านไปทำงานและอาศัยอยู่ทีประเทศสิงค์โปร์กลับมาในเช้าวันรุ่ง ขึ้น เพื่อที่จะนำศพของแม่เดินทางกลับไปทำพิธีศพยังบ้านเกิด
บรรยากาศในรถปกคลุมไปด้วยความตึง เครียดระหว่างสองพี่น้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน และต่างคนต่างก็กุมความลับความรู้สึกผิดของตนไว้โดยที่ไม่อยากให้อีกคนได้ รับรู้ ป่านที่จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้แม่จากไปอย่างโดดเดี่ยว ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาทีพยาบาลก็ได้มาเตือนให้รู้แล้วว่าลมหายใจสุด ท้ายของแม่กำลังจะมาถึงแล้ว ส่วนปิ่นเองก็ยังรู้สึกผิดอยู่ข้างในที่เธอยังไม่ได้บอกเหตุผลและความจริง ให้แม่ได้รับรู้ว่าทำไมเธอถึงต้องทะเลาะกับแม่เพื่อที่จะขอยกเลิกงานแต่งงาน ของเธอเองเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีงานพิธีจนต้องหนีหายไปจากบ้านเมื่อ สี่ปีก่อน การเดินทางดำเนินต่อไปอย่างตึงเครียด แต่บางครั่งก็ถูกขัดด้วยอารมณ์ขันอันไม่ถูกทีถูกเวลาของ “ต่อ” (ต่อพงษ์ กุลอ่อน) คนขับรถ มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นกับทั้งสามคนอยู่เป็นระยะ ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เป็นตัวบังคับให้ปิ่นและป่านต้องหันกลับมาเริ่ม คุยกันอีกครั่ง และการที่ปิ่นและป่านถูกบังคับให้มาใช้เวลาอยู่ร่วมกันตลอดการเดินทางใน ครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองค่อยๆเริ่มที่จะแบ่งปันเรื่องราวของตนให้กันและกันฟัง ทำให้ทั้งปิ่นและป่านต่างก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน และเข้าใจถึงความรู้สึกลึกๆของตนเองว่าความจริงแล้วพวกเธอก็อยากที่จะอยู่ กับครอบครัวมากกว่าที่จะต้องแยกจากกันไปอยู่กันคนละที่คนละทาง
จนกระทั้งบางสิ่งบางอย่างทำให้ปิ่น ตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เธอปิดบังเอาไว้ว่าทำไมเธอถึงต้องหนีออก จากบ้านไปในตอนนั้นให้ป่านฟัง และทั้งสองคนก็ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ที่แตกแยกของครอบ ครัวตนเมื่อได้พบกับพ่อที่กลับมาหาครอบครัวไปอีกครั้งในวันที่ต้องไปลอย อังคารแม่

 






ตัวอย่างหนัง



ที่มา  http://www.nangdee.com

วัดเขารูปช้าง ปาดังเบซาร์

วัดเขารูปช้าง ปาดังเบซาร์
       ปาดังเบซาร์เมื่อก่อนใครๆมา ก็มักนึกถึงการช็อปปิ้งซื้อของที่ชายแดนมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ซบเซาลงไปแล้ว แต่ยังมีสถานทีท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ปาดังเบซาร์ไปประมาณ 13 กม.เป็นที่ตั้งวัดเขารูปช้าง อยู่ติดกับเขารูปช้าง บ.เขารูปช้าง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา


ประตูแรกทางเข้าก่อนไปถึงที่ตั้งวัดเขารูปช้าง


ในระยะไกลจะเห็นวัดเขารูปช้างซึ่งตั้งชื่อจากเขาขนาดหย่อมที่เรียกว่าเขารูปช้าง


ประตูเข้าวัดเขารูปช้าง


เจดีย์หินอ่อนทรงพุทธคยา


เข้าไปชมภายในเจดีย์หินอ่อนพุทธคยากันครับ


ภายในตกแต่งงดงามด้วยงานศิลปจีนเสาหินรูปมังกรพันเสา


เป็นเสาหินหลายต้น ข้างผนังเรียงรายด้วยพระพุทธรูปและงานวิจิตรศิลปจีนโบราณ


ภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามแบบศิลปจีน


พระประธานองค์ภายในเป็นที่สวดมนต์ของพระนิกายจีนมหายานในวัด
 

ลำธารน้ำที่ไหลใต้เขารูปช้าง


มีทางเข้าไปเที่ยวภายในถ้ำของเขารูปช้าง


ทางเดินเป็นสะพานข้ามลำธารเพื่อเข้าไปในถ้ำครับ


ตัวลำธารที่ไหลอยู่ภายในเขารูปช้าง


ภายในเป็นถ้ำหินงอกหินย้อยครับ ตรงนี้ไม่ได้งอกแล้ว ได้ติดไฟสว่างจัดแต่งสวยงามปูทางเดินเที่ยวได้สะดวก


ถ้ำหินงอกหินย้อยอีกบริเวณครับ


เดืนทางออกที่ลานกว้างภายในถ้ำ มีนั่งพักบรรยากาศเย็น บริเวณนี้ยังมีน้ำไหลย้อยลงมาครับ ตรงทางลงพื้นจะเปียก


ภาพวาดที่ผนังถ้ำศิลปรูปหญิงจีนลักษณะคล้ายนางฟ้า


องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในถ้ำอีกด้าน


สามารถเดินย้อนกลับผ่านไปตามถ้ำหินปูนไปออกที่องค์พระได้ครับ


นักท่องเที่ยวมากราบไหว้ขอพรพระโพธิสัตว์กวนอิม




ตรงนี้เป็นทางเข้าไปยังอีกถ้ำครับ


มองออกไปจะเห็นตัวเจดีย์


เป็นถ้ำที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่


นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย-สิงค์โปร์นิยมเดินทางมากราบไหว้กันครับ

ปาดังเบซาร์

 

ปาดังเบซาร์
    
     ตำบลปาดังเบซาร์ แยกจากตำบลทุ่งหมอ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2527 เพราะตำบลทุ่งหมอมีพื้นที่กว้างยากแก่การปกครอง และตำบลปาดังเบซาร์เป็นตำบลติดต่อกับชายแดนประเทศมาเลเซีย

เป็นชายแดนอีกแห่งหนึ่งที่เป็นแหล่งชอปปิ้งซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่นี่จะมีร้านรวงมากมายเรียงราย อยู่ตรงข้างทางฝั่งมาเลเซีย นักชอปฝั่งไทยไปเยี่ยมเยียนไม่ขาดสายทุกวัน ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาเค้าพูดไทยได้กันทุกคน..

ข้อมูลจาก http://www.padangbeza.go.th/index.php
       
การเดินทาง
  เดินทางออกจากหาดใหญ่ มุ่งหน้าไปทางอ.สะเดา ประมาณ 60 กิโลเมตร

น้ำตกบริพัตร


 น้ำตกบริพัตร
 
มันคือ...น้ำตกบริพัตร อ.รัตภูมิ สงขลานั่นเอง

มาเที่ยวน้ำตกกันเลย



ไปเที่ยวน้ำตกไหน ถ้าเห็นตรงทางเข้ามีร้านค้าเยอะแบบนี้ละก็

เชื่อขนมกินได้ว่า...น้ำตกนั้นเป็นน้ำตกที่แมสมากๆ

คนตรึมแน่นอน



ไปถึงก็เห็นภาพแบบนี้จริงๆด้วย ผู้คนหอบลูกจูงหลาน หอบของกินไปนั่งปิกนิก

ความสุขของคนไทย ไม่ว่าอยู่ไหน ขอได้กิน...(นักล่าฯก็เป็น)

ถ้าทางอุทยานดูแลไม่ดี...ขยะคงบาน

น้ำตกบริพัตรเกิดจากเทือกเขาบรรทัด ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกคลองลำเรียน

ส่วนชื่อบริพัตรนั้น เรียกตามชื่อเจ้าฟ้าพระองค์หนึ่งที่เคยเสด็จมาพักผ่อน



ถ้าดูตามป้าย จะมีทั้งหมด 7 ชั้น

แต่ถ้าไปหาข้อมูลตามเน็ต มีห้าชั้นบ้าง สิบชั้นบ้าง แล้วแต่จะมั่วกัน

ถ้านักล่าฯมีลูก คงหุ่นแบบนี้แหละ(กรรมพันธ์แม่ไง)



น้ำน่าเล่นมากค่ะ...



หลากหลายอิริยาบถของผู้คนในวันสบายๆ...



น้ำตกชั้นล่าง จะเป็นชั้นที่ใครๆก็มากระจุกตัวกันตรงนั้น

แต่นักล่าฯเดินขึ้นไปชั้นบนอีกหน่อย ยอมเหนื่อย เพราะอยากรู้ว่าจะเป็นยังไง

นี่ค่ะ เห็นป้ายนี้แล้ว ไงล่ะ...เสียวมั้ย ? เขาบอกเป็นนัยๆ ว่าตัวใครตัวมันนะพี่น้อง



เดินย้อนสายน้ำขึ้นไป...ไม่ไกลมากหรอกค่ะ

เทียบไม่ได้กับที่ปีนโตนงาช้าง...อันนี้แค่หอบ แต่อันนั้นน่ะ ลิ้นจุกปาก!



ไปถึงต้องร้องว้าว! ...เพราะ น้ำตกชั้นที่สองนี้เงียบสงบและสวยคลาสสิกมาก



เหมือนหนังคนละม้วนกะชั้นแรกเลยค่ะ

ชั้นแรกสวยเหมือนนางนกต่อ แต่ชั้นสองสวยเหมือนนางฟ้า

ทุกอย่างงดงาม เยือกเย็น

นักล่าฯชอบม่านไทรที่ห้อยลงมาเป็นแนว


ชอบสายน้ำที่พรั่งพรูตามซอกหิน ลงสู่แอ่งน้ำน้อยๆ



ชอบที่มีหาดทรายขาวเนียนอยู่ด้วย แปลกตา ลงตัว



ถ้าใครไปน้ำตกบริพัตร ยอมเหนื่อยอีกนิดนะคะ

ขึ้นมาข้างบน แล้วจะพบความงามแบบสวรรค์สั่งมา



เล่นน้ำที่ชั้นล่าง คนเป็นล้าน เหมือนอยู่ในกระทะทองแดง

แต่มาเล่นน้ำบนนี้...จะรู้สึกเหมือนเป็นนางกินรีลงสรงในแดนสรวง



ครั้งแรกเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว นักล่าฯมาเที่ยวบริพัตรก็อยู่แค่กระทะทองแดง

มาเที่ยวนี้...เหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นเลย...

ถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ ก็ถ่อสังขารเดินลงไป


กรี๊ด...ดูจิ...โบกไม้โบกมือใหญ่เลย

สงสัยหนุ่มๆกลุ่มนี้นึกว่าเราเป็นนางฟ้าจำแลง




ข้อมูลทั่วไป

    วนอุทยานน้ำตกบริพัตร ห่างจากอำเภอเมือง 52 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 406 ระหว่างกิโลเมตรที่ 35-36 แยกจากปากทาง 800 เมตร เป็นน้ำตกเล็ก ๆ มีน้ำตลอดปี อยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวขจี เหมาะกับการเล่นน้ำ สามารถเดินขึ้นไปตามบันไดหินเลียบเขา ชั้นบนมีแอ่งน้ำเล็ก ๆ อีก 1 แห่ง

เป็นน้ำตกหนึ่งในสองแห่งของอำเภอรัตภููมิ จังหวัดสงขลา เป็นน้ำตกเกิดจากเทือกเขาบรรทัด ซึ่งคนในท้องถิ่นเรียกว่า เขาแก้ว น้ำตกบริพัตรอยู่ไปทางทิศตะวันออกของที่ว่าการอำเภอรัตภูมิ ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร อยู่ที่หลักกิโลเมตรที่ ๓๔ ของถนนยนตรการกำธร (ถนนสายรัตภูมิสตูล) ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๐ ตำบลเขาพระ อยู่ในเขตของวนอุทยานแห่งชาติ สังกัดกระทรงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางวนอุทยานร่วมกับอำเภอรัตภูมิ ทำการปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และพักผ่อนโดยสร้างถนนราดยางเชื่อมต่อกับถนนยนตรการกำธรซึ่งเป็นทางหล วงแผ่นดิน เข้าไปยังน้ำตก ระยะทางตลอดทั้งวัน สภาพของน้ำตกมีน้ำตกตลอดทั้งปี แต่ที่มีน้ำมากที่สุดอยู่ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม เป็นน้ำตกลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ๆ กว่า ๑๐ ชั้น ตั้งแต่ชั้นล่างสุดถึงชั้น ๕ มีทางเดินขึ้นชมอย่างสะดวก ถัดจากนั้นขึ้นไป ต้องปีนป่ายใช้ความสามารถกันตามสมควร บริเวณชั้นล่างสุดมีแอ่งใหญ่เหมาะในการอาบและแวกว่ายน้ำกันอย่างสนุก ใสสะอาด ปราศจากมลภาวะทั้งปวง


น้ำตกแห่งนี้ เดิมชื่อน้ำตกคลองลำเรียน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๙-๒๔๗๑ ปีใดยังไม่ปรากฏชัด จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้เสด็จเดินทางมาเกี่ยวกับราชการ จากจังหวัดสงขลาสู่จังหวัดสตูลได้และทรงพักผ่อนที่น้ำตก และได้ทรงจารึกพระนามไว้ที่หน้าผาของน้ำตกว่า "บริพัตร" น้ำตกคลองลำเรียนจึงได้ชื่อว่า น้ำตกบริพัตรตั้งแต่นั้นมา

บริเวณ น้ำตกเป็นที่ร่มรื่นและเย็นฉ่ำด้วยละอองน้ำตา มีต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งไม้ดอกและไม้ยืนต้น เสียงเหล่านกส่งเสียงร้องเรียกหากันอย่างน่าฟัง มีความปลอดภัยสูง เพราะมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานดูแลอยู่ตลอดเวลา การคมนาคมสะดวกสบาย มีถนนราดยางถึงริมน้ำตก ที่จอดรถกว้างขวาง เนื่องจากเป็นวนอุทยาน จึงมีระเบียบที่เคร่งครัดอย่างหนึ่งคือ ห้ามเก็บหรือน้ำวัตถุหรือสิ่งใด ๆ ที่เป็นธรรมชาติในอุทยาน เช่น พืชพันธุ์ สัตว์ หรือแม้แต่ก้อนหิน ออกไปจากอุทยานอย่างเด็ดขาด

วนอุทยานน้ำตกบริพัตร เป็นสถานที่ที่ผู้มาเยือนรัตภูมิน่าจะไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง เพราะธรรมชาติสวยงามมีพืชพรรณหลากหลายที่จะหาชมที่อื่นได้ยาก ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นฤดูผลไม้ของภาคใต้ จะมีผลไม้วางขายตลอดเส้นทางที่ผ่านเป็็นผลไม้สดที่มีคุณภาพและราคาย่อมเยา เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด จำปะดะ ลองกอง ฯลฯ ล้วนแต่มีรสชาติเป็นที่ติดใจของผู้ที่ลิ้มลอง 

ข้อมูลจาก http://www.rattaphumcity.com/
ขอบคุณภาพสวยๆจาก http://www.thaimtb.com/ และ http://www.rattaphumcity.com/
       
การเดินทาง

    จากทางหลวงหมายเลข 406 (รัตภูมิ-สตูล) ถึงประมาณกิโลเมตรที่ 35 เลี้ยวไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 1 กิโลเมตร