Wednesday, June 19, 2013

unseen ภาคใต้ ล่องแก่งหนานท่าส้าน วันที่ 8-9 มิถุนายน 2556

สัมผัสธรรมชาติทรหดโหดสะใจ

ศาลจังหวัดสงขลาล่องแก่งหนานมดแดง เพิ่มความสามัคคี บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน แต่หมดแรง
กิจกรรมล่องแก่งที่ท้าทายและการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ที่ตั้ง ม.3 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง

 การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติพร้อมกิจกรรมล่องแก่งสุดมัน

ล่องแก่งหนานท่าส้าน  ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง 93110
ล่องแก่งหนานท่าส้าน 2 วัน 1 คืน 8-9 มิถุนายน 2556 ไป กัน กับทีม ศาลจังหวัดสงขลา ..
เส้นทาง .. ตื้นเต้น ตลอด ทั้ง เส้นทาง..
บรรยากาศดีมาก อาหารอร่อย มี คาราโอเกะ ให้ร้องเพลง ตอน ค่ำคืน  อัตราค่าบริการ บ้านพักหลังละ 500 บาทล่องแก่งคนละ 200 บาทอาหารมื้อละ 80 บาท ต่อคนฟรีอาหารเช้าhttps://www.facebook.com/LxngKaengHnaNthasanPhathlung







ล่องแก่งหนานมดแดง
ล่องแก่งหนานมดแดง ตั้งอยู่ที่ ม.1 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เป็นทุนเดิม

ทางธรรมชาติที่มีอยู่แล้วนำมาประยุกต์กับแนวคิดที่ตกผลึกจากการที่ได้ไปสัมผัส

กับแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งในพื้นที่อื่นๆ แล้วนำกลับมาปรับใช้กับหนานมดแดง

จนก่อเกิด "ล่องแก่งหนานมดแดง" ขึ้นในปัจจุบันhttps://fbcdn-sphotos-c-a.akamaihd.net/hphotos-ak-frc1/p480x480/253043_471112502919218_1393305387_n.jpg

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย Thale Noi Waterfowls Park

           เมืองไทยไม่ไปไม่รู้  อุทยานนกน้ำทะเลน้อย Thale Noi Waterfowls Park บ่ายวันอาทิตย์ ไม่รู้ไปไหนขับรถขับลงเรือเรื่อยเปื่อย ชมบัวชมนก ทะเลน้อย 1 ชม.ที่ดู ธรรมชาติช่างปลึกแต่ง แบ่งโชนบัวออกเป็นบัวชมพู บัวหลวง บัวนา กระจูด กระเฉด แม้ไม่ใช่เวลาบัวบานสะพรั่ง แต่นึกถึงความงามได้ไม่ยาก กับบัวที่เห็นสุดลูกหูลูกตา ประทับใจก็บัวกลีบขาว กลิ่นหอมไปทั้งทุ่ง คนนำทางเขาว่าเป็นบัวเผื่อน คนโบราณเอาไว้ทัดหู คราวหน้าครั้งที่3 จะมาแต่เช้ามืด อยากเห็นบัวบานสะพรั่งไปทั้งทะเล และบัวหอม อาจเป็นเวลาที่หอมยิ่งกว่า

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย

อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เป็นอุทยานนกน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4048 จากอำเภอเมืองพัทลุง-อำเภอควนขนุน ไปสุดที่ทะเลน้อย ระยะทาง 32 กม. ทางราดยางตลอดทั้งสาย เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า มีพื้นที่ประมาณ 281,250 ไร่ โดยมีพื้นน้ำประมาณ 17,500 ไร่ อยู่บริเวณเหนือสุดของทะเลสาบสงขลา

ทะเลน้อยเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีนกอยู่มากมายกว่า 150 ชนิด จำนวนไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัวนกที่มีมากได้แก่ นกอีโก้ง นกพริก นกเป็ดแดง นกเป็ดคับแค นกเป็ดผี นกกาบบัว นกอีล้ำ นกอีลุ้ม นกกะปูด นกนางนวล นกนางแอ่น นกยางเฟีย นกอัญชัญ นกกระสาแดง นกกระสานวล อีกา เหยี่ยวต่างๆ ฤดูกาลที่เหมาะที่สุดสำหรับการไปดูนก คือช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน

นอกจากนกน้ำต่างๆ แล้ว ในทะเลน้อยยังมีพันธุ์ไม้หลายชนิด เช่น ย่านลิเภา จูดหนู แขม กก สามเหลี่ยม กง ลาโพ จูด บัวหลวง บัวสายแดง บา จอกหูหนู ผักตบชวา และสาหร่ายต่างๆ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือไปชมนกได้จากท่าเรือทะเลน้อยและใกล้ที่ทำการอุทยาน มีเรือนพัก ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย โดยอยู่ในความดูแลของอุทยาน ติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่ กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ โทร. 579-7223, 579-5734 หรือ โทร. (074) 614865

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปได้โดยทางเรือและทางรถไฟอีกด้วย โดยทางเรือนั้นสามารถเดินทางจากอำเภอต่างๆ ซึ่งอยู่ริมทะเลสาบ เช่น อำเภอระโนด อำเภอสะทิงพระ และอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา อำเภอปากพะยูน อำเภอควนขนุนและอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ส่วนทางรถไฟไปลงรถไฟที่สถานีปากคลอง จากนั้นต่อรถยนต์ไปทะเลน้อยอีก 8 กม. อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่าตั้งอยู่ที่บ้านในวัง ตำบลเขาปู่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัด 37 กม. โดยใช้เส้นทางหมายเลข 41 ไปอำเภอควนขนุน แล้วไปแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4164 สู่อำเภอศรีบรรพต เข้าไปประมาณ 17 กม. แล้วแยกซ้ายไปอีก 4 กม. ก็ถึงที่ทำการอุทยาน ซึ่งมีสภาพเป็นป่าร่มรื่น มีเนื้อที่ 433,750 ไร่ หรือ 694 ตรกม.


ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด


 
          ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด มีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในตำบลนางตุงและตำบล
ทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มีคลองนางเรียมยาว 2 กิโลเมตรเชื่อมระหว่างทะเลน้อย กับทะเล
สาบสงขลา ทางฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชุมชนทะเลน้อยประมาณ 2,000 ครัวเรือน ทางฝั่งตะวันออก
ฝั่งเหนือ ฝั่งใต้ เป็นป่าพรุและพงหญ้า

ชุมชนทะเลน้อย
ชุมชนรอบๆ ทะเลน้อย วิถีชีวิตชาวประมงน้ำจืด

ทะเลน้อยมีความลึกเฉลี่ย 1.5 เมตร เป็นแหล่งน้ำที่มีปลาน้ำจืดชุกชุมหลายชนิด เดิมชาวทะเลน้อย
ทำการประมงเป็นอาชีพหลัก ขายปลาสด ปลาเค็ม ปลาย่าง ปลาร้า ทำรายได้เลี้ยงครอบครัวได้ดี เมื่อมีผู้คน
มากขึ้น จำนวนกุ้งปลาน้อยลง ชาวทะเลน้อยต้องเบนไปทำอาชีพอื่นแทน เช่น ค้าขาย ขับรถโดยสารประจำ
ทางมีรถยนต์วิ่งรับผู้โดยสารประจำวัน ระหว่างตัวเมืองพัทลุงกับทะเลน้อยจำนวน 70 คัน รถจักรยานยนต์
วิ่งรับส่งทั่วไปจำนวน 200 คัน อาชัพหลักของชาวทะเลน้อยในปัจจุบัน คือ ประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากกระจูด
มีสื่อ หมวก พัด กระเป๋า รองเท้า แฟ้มเอกสาร ชาวทะเลน้อยสานเสื่อชำนาญมาก มีลวดลายสีสันงดงามสามารถ
ส่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปขายยังจังหวัดใกล้เคียง ทำรายได้ปีละประมาณ 60 ล้านบาท กระจูดที่ปลูกเองไม่พอ
ต้องซื้อมาจากตำบลเคร็ง อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทางฝั่งตะวันออก เหนือ ใต้ เป็นป่าดงดิบขึ้นหรือป่าพรุ มีไม้หลายชนิด เช่น ไม้เสม็ดขาว จิก หว้า
กระทุ่มหมู่ ทองหลาง ตีนเป็ด เตียว เนียน เมา เตยน้ำ ที่ใดมีไม้ขึ้นห่างๆ จะมีลาโพ หญ้าปล้อง กระจูดหนู
ขึ้นแทนเต็มไปหมด จึงเป็นที่อาศัยของลิงแสม ลิงลม ชะมดน้ำ ชะมดเช็ด นาก เสือปลา นกนานาชนิด
เมื่อประมาณ 50 ปี มาแล้ว มีช้างป่านับ 100 ตัว จระเข้ชุกชุมมาก ปัจจุบัน นี้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว

ทะเลน้อย
ดอกบัวบานสะพรั่งทั่วทะเลน้อย สมญาทะเลล้านบัว

ในทะเลน้อย อุดมด้วยพืชน้ำ เช่น บัว ผักตบชวา จอกหูหนู สาหร่าย กุ้งและปลา เป็นอาหารของนก
อย่างสมบูรณ์ ประกอบกับบริเวณรอบ ๆ มีพงหญ้า มีป่าหนาแน่นนกขนาดใหญ่ทำรังหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย จึงอุดมไปด้วยนกชนิดต่าง ๆ ถึง 187 ชนิด ทั้งนกประจำถิ่นและนกที่อพยพมาจากที่อื่นตามฤดูกาล ได้แก่
นกเป็ดน้ำ นกกาบบัว นกกระทุง นกกาน้ำ นกนางนวล นกกระเด็น นกกระสาแดง นกเจา นกคับแค นกแขวก
นกอีลุ้ม นกตีนเทียน นกพริก นกอีโก้ง นกกวัก นกกะปูด นกอัญชัน นกเหยี่ยว นกยางขาว นกยางกรอก นกยาง
แดง นกยางควาย นกยางหัวเปีย นกจะชุกชุมมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน มีจำนวนเป็นแสนๆ
ตัวที่เดียว

นกน้ำทะเลน้อย  
นกน้ำทะเลน้อย
ทะเลน้อย แหล่งรวมนกน้ำหลากชนิด ประชากรนกที่อาศัยอยู่ นับได้เป็นแสนๆ ตัว

ป่าไม้แหล่งที่อยู่ของนกถูกทำลายไปมาก ผู้คนจับนกกินเป็นอาหาร เกิดอาชีพเก็บไข่นกขาย ปล่อยฝูง
ควายเหยียบย่ำรังและไข่นกเสียหาย หากปล่อยไว้เช่นนี้นกจะสูญพันธุ์เหมือนกับช้างและจระเข้ ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
นายผ่อง เล่งอี้ อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดการสัตว์ป่า เห็นความสำคัญของ
แหล่งนกน้ำทะเลน้อย จึงดำเนินการให้จัดตั้งเป็นอุทยานนกน้ำ เมื่อให้มีการสำรวจเห็นว่ามีความเหมาะสม
จึงได้รับประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่
มาปฏิบัติการรวมพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทั้งหมด 457 ตารางกิโลเมตร

ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นลำดับที่ 110 ซึ่งพันธกรณีของอนุ
สัญญาฯ มีผลบังคับเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2541 โดยเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำควนขี้เสียน เขตห้ามล่าสัตว์ป่า
ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar site) แห่งแรกของ
ประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญา

เริ่มแต่ทะเลน้อยเป็นอุทยานนกน้ำ ทะเลน้อยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ มีผู้คนต่าง
จังหวัดและชาวต่างประเทศมาเยือนมิได้ขาด สิ่งก่อสร้างมีเพิ่มขึ้น มีศาลาพัก เรือนรับรอง พระตำหนัก
อาคารที่ทำการของเจ้าหน้าที่ตั้งเรียงรายอยู่ในน้ำ ห่างฝั่งออกไปทางตะวันออกมีชื่อเรียกอย่างไพเราะ
เช่น ศาลาบัวหลวง ศาลาบัวแดง เรือนกาบบัว เรือนนางนวล เรือนอัญชั่น เป็นต้น อาคารทุกหลังมีสะพานถาวร
เชื่อมถึงกันโดยตลอด

โดยทะเลน้อยมีอากาศดี มีทิวทัศน์งดงาม ขณะที่เดินผ่านสะพานเหมือนเดินอยู่เหนือทะเล ดอกบัวชูดอก
สีขาว ม่วง แดง โอนเอนไปมาตามสายลม หากต้องการชมนกจำนวนมาก ๆ ควรลงเรือหางยาวออกชมในยามเย็น
เป็นเวลาที่ฝูงนกพากันบินกลับรวงรัง ส่งเสียงร้องประสานกันเหมือนเสียงดนตรีธรรมชาติ มีเรือหางยาวจอดรอ
รับบริการในอัตราลำละ 200 บาท(พ.ศ. 2546) นั่งได้ 12 คน ไม่กำหนดเวลาลอยเรือท่องเที่ยวไปจนผู้ไปชมจุใจ

ทะเลน้อยเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ เป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดพัทลุง เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ระดับประเทศ เป็นอุทยานนกน้ำที่มีนกหลายชนิด และมีนกจำนวนมากที่สุดของไทย ทะเลน้อยอยู่ห่างจากตัวเมือง
35 กิโลเมตร หนทางไปมาสะดวกสบาย มีรถประจำทางวิ่งรับคนโดยสารตลอดวัน

พื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพัทลุง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา
เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อันมีคุณค่ายิ่งต่อระบบนิเวศ และการดำรงชีวิตของประชาชน
รอบพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ เป็นแหล่งความรู้ทางธรรมชาติวิทยา วัฒนธรรม และมีความสวยงามของทิวทัศน์
ในการพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางภาคใต้ สมควรแก่การอนุรักษ์ให้เกิดประโยชน์แก่มวลชีวิต
ที่เกี่ยวข้องอย่างยั่งยืนตลอดไป รัฐบาลจึงจำเป็นต้องดำเนินการจัดการอนุรักษ์พื้นที่ให้ เหมาะสมกับสถานภาพ
ควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศและความจำเป็นทาง เศรษฐกิจของประชาชนโดยเฉพาะจำเป็นต้องส่งเสริม
รายได้ของชุมชนท้องถิ่น ให้มีรายได้โดยไม่เข้าไปใช้ทรัพยากกรในทะเลน้อยโดยตรง และจากข้อมูลนักท่องเที่ยว
ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา มีผู้เข้าไปชมทะเลน้อยแต่ละปีประมาณ กว่าสามแสนคน จึงจำเป็นต้องมีการให้ความรู้
ความตระหนักถึงคุณค่าทรัพยากรและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้เข้าไปใช้สถานที่

กรมป่าไม้เดิมจึงมีโครงการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดให้มีโครงการ “ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ
ทะเลน้อย” ขึ้นเพื่อดำเนินกระบวนการให้ความรู้ สร้างจิตสำนึก จัดค่ายฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นสถาน
ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับ นานาชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งแรกของ
ประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติในทะเลน้อยจากการใช้ประโยชน์โดยตรง
ของประชาชน และส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนในท้องถิ่น จากการท่องเที่ยว เพื่อรักษาทรัพยากรเหล่านี้ไว้
ให้คงอยู่อำนวยประโยชน์อย่างยั่งยืน

โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติทะเลน้อย จึงได้จัดตั้งขึ้นโดยกรมป่าไม้และการสนับสนุนของการท่องเที่ยว
แห่งประเทศไทย ทำการศึกษา สำรวจ ออกแบบ เพื่อก่อสร้าง จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
เพื่อเป็นแหล่งสำหรับศึกษาหาความรู้ ฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ชุ่มน้ำ
(Wetland) เป็นสำคัญ และ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจให้ความสุขด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติแก่ประชาชน
ซึ่งได้รับการจัดให้อยู่ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิง อนุรักษ์ โดยเริ่มการก่อสร้างในปี พ.ศ.2545
และเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2546 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ออกคำสั่งเปลี่ยนชื่อหน่วยงานจาก
“ศูนย์ศึกษาธรรมชาติทะเลน้อย” เป็น “สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลน้อย”

ภูมิศาสตร์  
          ทะเลน้อย คือ แหล่งน้ำอันต่อเนื่องกับทะเลสาบสงขลา ตั้งอยู่เหนือสุด โดยมีทะเลหลวงในเขตจังหวัด
พัทลุงกั้นกลาง และ ทะเลสาบคูขุด อยู่ทางใต้ในเขตจังหวัดสงขลา มีอาณาเขตดังนี้ คือ ทิศเหนือ จดคลองชะอวด
อำเภอชะอวด และอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศตะวันออก จดทะเลหลวง ทางหลวงหมายเลข 4083
อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ทิศใต้ จดคลองปากประ อำเภอควนขนุน
จังหวัดพัทลุง ทิศตะวันตก จดฝั่งทะเลน้อยด้านตะวันตก อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอชะอวด จังหวัด
นครศรีธรรมราช

          สภาพพื้นที่ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยทั้งหมด 450 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยส่วนที่เป็นพื้นดิน
และพื้นน้ำ ส่วนพื้นดินมีเนื้อที่ 422 ตารางกิโลเมตร หรือ ร้อยละ 94 ของพื้นที่ทั้งหมด ลักษณภูมิประเทศส่วนใหญ่
เป็นที่ราบชายทะเลสาบ ประกอบด้วยนาข้าวและป่าหญ้า ป่าพรุและป่าเสม็ด เป็นแอ่งน้ำมีพืชปกคลุม และที่ราบ
เชิงเทือกเขาบรรทัด มีเนินเขาสูงราว 100 เมตร จากระดับน้ำทะเล ส่วนพื้นน้ำมีเนื้อที่ 28 ตารางกิโลเมตร หรือ
ร้อยละ 6 ของพื้นที่ทั้งหมด คือ ตัวทะเลน้อยนั่นเอง มีความกว้างราว 5 กิโลเมตร และยาว 6 กิโลเมตร ความลึก
โดยเฉลี่ยราว 1.5 เมตร ปกคลุมด้วยพืชน้ำต่างๆ เช่น บัว กระจูด หญ้าน้ำกก ปรือ และ กง กระจัดกระจายอยู่
ทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณน้ำตื้นและค่อนข้างนิ่ง

พรุควนขี้เสียน
พรุควนขี้เสียน... ที่ราบริมทะเลสาบเป็นป่าพรุและป่าเสม็ด
ภูมิอากาศ
          ภูมิอากาศโดยทั่วไปในภาคใต้ส่วนใหญ่จะมีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูฝนกับฤดูร้อนเท่านั้น ฝนจะเริ่มตกราว ๆ
เดือนสิงหาคม แต่ฤดูฝนจริงๆ จะเริ่มในเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ ส่วนทีเหลือจะเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีฝนตกบ้าง
ประปราย เนื่องจากได้รับอิทธิพลของลมบก และลมทะเล จึงทำให้อากาศในเขตทะเลน้อยสดชื่นและเย็นสบาย
ตลอดปี เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ

พืชพรรณ  
          พื้นที่ป่าในทะเลน้อยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ ป่าพรุ ซึ่งมีพรรณไม้เด่นคือต้นเสม็ด อันเป็นแหล่งทำรัง
ของนกน้ำขนาดใหญ่ เช่น นกกระสาแดงและนกกาบบัว ทุ่งหญ้า ประกอบด้วยต้นกกหรือลาโพและหญ้าชนิดต่างๆ
ป่าดิบชื้น จะพบบนที่ดอน เช่น ควนขี้เสียน ควนเคร็ง เป็นต้น พื้นที่นาข้าว จะเป็นแหล่งหากินของนกน้ำต่างๆ
บริเวณพื้นน้ำ จะเป็นแหล่งรวมพืชพรรณไม้น้ำที่น่าสนใจหลายชนิด เช่น กง สาหร่าย กระจูด ผักตบ และบัวชนิด
ต่างๆ โดยเฉพาะบัวสายจะขึ้นเต็มพื้นน้ำเป็นทะเลบัวที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย

สัตว์ป่า  
          สัตว์ป่าที่มีรายงานในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยมีไม่ต่ำกว่า 250 ชนิด โดยเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 13
ชนิด เช่น ลิงแสม เสือปลา และลิงลม เป็นต้น สัตว์เลื้อยคลานอย่างน้อย 25 ชนิด เช่น เต่า ตะพาบน้ำ จิ้งแหลน
และงูชนิดต่างๆ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กุ้ง ปู หอย และสัตว์น้ำอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนพวกปลาน้ำจืดพบ
ไม่ต่ำกว่า 45 ชนิด ปลาที่น่าสนใจและพบได้ไม่ยาก เช่น ปลาช่อน ปลากระดี่ ปลาซิว ส่วนปลาที่น่าสนใจแต่พบ
ตัวได้ยากกว่า เช่น ปลาปักเป้าน้ำจืด และปลาเสือพ่นน้ำ เป็นต้น

นกในทะเลน้อย  
          จากสภาพพื้นน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณไม้น้ำ และสัตว์น้ำต่างๆ ทะเลน้อยจึงมีความเหมาะสม
เป็นแหล่งอาศัยหากินทำรังและวางไข่ของนกนานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนกน้ำ จากการสำรวจพบนกราว 187
ชนิด แยกออกเป็นนกประจำถิ่นอาศัยอยู่ประจำตลอดปี และนกอพยพย้ายถิ่น โดยจะอพยพมาในช่วงฤดูหนาว
ระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่นกมีประชากรมากที่สุดถึงราว 43,000 ตัว ส่วนช่วงที่มีนกน้อยที่สุด
อยู่ระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน อันเป็นช่วงที่นกน้ำทำรัง นกต่างๆที่น่าสนใจในทะเลน้อยมีดังนี้

      วงศ์นกยาง (Heron) นกน้ำในวงศ์นี้มีลักษณะขายาว คอขาว กินปลาและสัตว์น้ำเล็กๆ มีขนาดกลางถึง
ขนาดใหญ่ พบในทะเลน้อยราว 15 ชนิด เช่น นกยางไฟหัวดำ(Yellow Bittern) นกยางโทนใหญ่(Great Egret)
นกกาบบัว (Painted Stork) นกกระสาแดง (Purple Heron) เป็นต้น โดยเฉพาะนกยางและนกกระสาแดง จะทำรังและอาศัยอยู่ในทะเลน้อยตลอดทั้งปีเป็นจำนวนมาก
วงศ์นกเป็ดน้ำ (Duck and Geese) นกน้ำคล้ายเป็ดซึ่งมีปากแบน แต่มีขนาดเล็กกว่า สามารถว่ายน้ำและ
ดำน้ำหาปลาได้ดี ส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นฝูง อพยพมาในฤดูหนาว นกเป็ดน้ำที่พบในทะเลน้อย เช่น นกเป็ดแดง
(Lesser Whistling-Duck) เป็ดคับแค (Cotton Pygmy-Goose) เป็ดลาย (Garganey)
นอกจากนี้ยังมี นกเป็ดผี (Little Grebe) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Grebes มีลักษณะคล้ายนกเป็ดน้ำ ต่างกันตรงปลาย
ปากแหลม ว่ายน้ำและดำน้ำเก่งมาก
วงศ์นกอัญชัญ (Rails) นกน้ำวงศ์นี้จะมีขาและนิ้วยาว สามารถเดินหากินบนกอไม้น้ำได้เป็นอย่างดี นกวงศ์นี้
พบได้ง่ายในบริเวณรอบๆ ที่ทำการเขตฯนั่นเอง ส่วนใหญ่เป็นนกประจำถิ่น เช่น นกอัญชัญคิ้วขาว (White-
browed Crake) นกกวัก(White-Breasted Waterhen) นกอีลุ้ม(Waterhen) นกอีล้ำ(Common Moorhen)
นกคู๊ท (Coot)
     วงศ์นกพริก (Jacana) นกน้ำวงศ์นี้มีนิ้วที่ยาวมาก สามารถเดินข้ามบนกอไม้น้ำได้ดี ลักษณะเด่นตัวผู้จะทำ
หน้าพี่ฟักไข่เลี้ยงลูก ตัวเมียจับคู่ครั้งละหลายตัว พบที่ทะเลน้อย 2 ชนิด คือ นกอีแจว(Pheasant-tailed Jacana)
นกพริก (Bronzewinged Jacana)
วงศ์นกกาน้ำ (Cormorant) นกน้ำสีดำรูปร่างคล้ายกา นิ้วเท้ามีพังผืดดำน้ำเก่งมาก มีทั้ง กาน้ำเล็ก(Little-
Cormorant) และ กาน้ำใหญ่ (Great Cormorant)
วงศ์นกตีนเทียน (Stilts) นกชายเลนชนิดนี้มีขายาวปากยาว มีสีเป็นขาวดำ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง
เมืองไทยมีชนิดเดียว คือ นกตีนเทียน (Blackwinged Stilt)
นอกจากนี้แล้วยังมีนกที่พบเสมอ เช่น เหยี่ยวแดง (Brahminy Kite) นกกระแตแต้แว๊ด (Redwattled -
Lapwing) นกนางนวลแกรบเคราขาว (Wiskered Tern) นกกระเต็นน้อยธรรมดา (Common Kingfisher)
นกนางแอ่นบ้าน (Barn Swallow) เป็นต้น

นกในทะเลน้อย

นกในทะเลน้อย
 

ท่องธรรมชาติทะเลน้อย  
          นักท่องเที่ยวที่เดินทาง มาถึงทะเลน้อยจะมองเห็นตัวทะเลน้อยได้ส่วนหนึ่ง หลังจากเดินเข้าไปภายในเขตฯ แนะนำว่านักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางมาทะเลน้อยเป็นครั้งแรกควรจะเข้าไปหา ข้อมูลของพื้นที่ใน ศูนย์บริการ
นักท่องเที่ยว ที่อยู่ริมตลิ่งใกล้ๆ กับประตูทางเข้าเขตฯ จากนั้นจึงเริ่มไปพักผ่อนที่ศาลาท่าเรือหรือลงเรือชม
ธรรมชาติ เส้นทางศึกษาธรรมชาติของทะเลน้อยแบ่งออกเป็นหลายจุด จากที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเที่ยวชมได้ดังนี้

1.สะพานไม้รอบที่ทำการฯ สิ่งที่น่าสนใจตามทางเดินเท้าในบริเวณที่ทำการฯ มีดังนี้ นกอีโก้ง นกพริก นกอีล้ำ นกยางควาย จอกหูหนู บัวสาย ปลากระดี่ ปลาช่อน สำหรับต้นกระจูดที่ใช้สำหรับทำหัตถกรรม ทางเขตฯ ได้นำมาปลูกแสดงไว้ใกล้ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ชมลักษณะดั้งเดิมของต้น
กระจูด ก่อนนำไปผ่านขบวนการผลิต ขณะที่ท่านเดินผ่านไปตามเสาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสาไม้หรือเสาปูน ลอง
สังเกตดูว่าท่านเห็นวัตถุก้อนสีขาวหรือก้อนสีชมพูบ้างไหม ท่านทราบไหมว่ามันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร
ระหว่างทางเดินท่านจะพบผักตบชวาที่ถูกกั้นอยู่ในกรอบและอาจพบนกอีโก้งหาอาหารกินอยู่ใกล้ๆ กอผักตบชวา
เหล่านั้นคือ แหล่งสร้างรังวางไข่ของนกน้ำที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น คือ นกอีโก้ง และ นกพริก และยังเป็นที่หลบภัย
ของสัตว์น้ำอื่นๆ ด้วย
ศาลากลางน้ำ เป็นจูดที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่นำอาหารกลางวันมารับ ประทาน ด้วยบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยความชุ่มฉ่ำของสายลมเย็นท่ามกลางกลุ่มบัวสาย และจอกหูหนู มีเสียงกบ เขียด
ขับกล่อมพร้อมกับได้เห็นนกนานาพันธุ์ต่างสีต่างท่าทาง ต่างก็หากินอย่างอิสระ นับเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากขึ้นๆ
ทุกวัน หากท่านมีเวลามาก ขอแนะนำให้ท่านลงเรือไปชมความงามของทะเลน้อยในจุดอื่นๆ บ้าง

สะพานไม้รอบที่ทำการ   สะพานไม้รอบที่ทำการฯ
มุมหนึ่งของสะพานไม้ มีนกอีโก้งคอยรับแขกที่มาเยือน
 
สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด กับบรรยากาศที่สบายๆ ณ ทะเลน้อย

      2.หมู่บ้านทะเลน้อย เดิมชาวบ้านมีอาชีพทำนาและทำประมงเป็นหลัก ปัจจุบันชาวบ้านส่วนหนึ่ง(อาจจะถึง
1 ใน 3) เดินทางออกไปหางานทำในต่างถิ่น ชาวบ้านที่เหลือก็ยังทำนา ทำประมง ทำหัตถกรรม (เสื่อกระจูด) ค้าขาย และรับจ้างทั่วไป แต่ที่น่าประทับใจก็คือท่านจะพบกับรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรีของชาวบ้านที่มี ต่อ
นักนักท่องเที่ยว
      ของฝากจากทะเลน้อย คงหนีไม่พ้นผลิตภัณฑ์จากต้นกระจูดที่เกิดจากฝีมือและความวิริยะอุตสาหะของ
แม่บ้านชาวทะเลน้อย ไม่ว่าจะเป็น เสื่อ หมวก แผ่นรองจาน แผ่นรองแก้ว กระเป๋า ฯลฯ และของฝากที่ขึ้นชื่ออีก
อย่างหนึ่งของทะเลน้อยก็คือปลาดุกร้าที่อร่อยแบบสุดจะบรรยาย ต้นตำรับของปลาดุกร้าของแท้ต้องที่ทะเลน้อย
เท่านั้น

      3.ดงนกนางนวล ในช่วงเดือนตุลาคม-เดือนเมษายน เมื่อเรือออกจากท่าได้ราว 150 เมตร ท่านจะพบฝูงนก
นางนวลเกาะอยู่ตามหลักไม้ที่ปักไว้ตามทางเข้าออกของเรือ นกนางนวลที่พบบ่อยในทะเลน้อยมี 2 ชนิด คือ
นกนางนวลแกลบดำปีกขาว (Whitewinged Tern) และ นกนางนวลแกลบเคราขาว (Whiskered Tern)
ท่านจะพบนกนางนวลแกลบเหล่านี้เกาะพักรวมกันตามไม้ที่ปักไว้ดังกล่าว นกทั้ง 2 ชนิดจะย้ายไปหาอาหารกิน
ที่อื่นนอกช่วงเวลาที่กล่าวไว้ข้างต้น

นกนางนวล - ทะเลน้อย
ฝูงนกนางนวลอพยพ

      4.ดงบัวสาย ผ่านจากนกนางนวลเรือจะพาท่านวนไปตามเข็มนาฬิกา จะผ่านไปในดงบัวสาย ดงบัวที่มีสีชมพู
บ้านสะพรั่งในช่วงเวลา 8 โมงเช้า เมื่อแดดร้อนแรงขึ้น บัวสายจะเริ่มหุบ และจะบานเต็มที่อีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น
บัวสายเป็นบัวพันธุ์พื้นเมืองที่แพร่กระจายทั่วไปในประเทศไทย ก้านใบสามารถนำมาประกอบอาหารได้ เช่น
แกงส้ม ต้มกระทิ ผัดน้ำมัน หรือ ต้มจิ้มน้ำพริกได้ ในบริเวณดงบัวสายท่านอาจพบ นกยางกรอก นกอัญชันคิ้วขาว
นกพริก หรือ นกอีแจว เดินหากินอยู่บนใบบัว ท่านสงสัยไหมว่าทำไมนกเหล่านั้นจึงเดินบนใบบัว หรือพืชน้ำ เช่น
จอก แหนได้ ลองสังเกตดูความยาวของนิ้วเท้าของนกเหล่านั้นให้ดี

นกน้ำทะเลน้อย
นกยางหากินตามดงบัว

      5.ดงนกเป็ดน้ำ นกเป็ดน้ำเป็นนกมีปีก มันบินได้และเคลื่อนย้ายที่อยู่เสมอ ส่วนมากจะพบได้ตามดงกระจูด
หนูที่ไม่หนาแน่น ตามดงบัวสาย หรือ บัวหลวง นกเป็ดน้ำที่พบได้ตลอดปี คือ นกเป็ดแดง และ เป็ดคับแค
(ยกเว้นเดือนสิงหาคม-ต้นเดือนตุลาคม จะเป็นช่วงที่นกเป็ดน้ำผลัดเปลี่ยนขนจะพบได้ยาก) ส่วนเป็ดลาย และเป็ด
ชนิดอื่นๆ จะเป็นเป็ดที่อพยพมาจากทางตอนเหนือของทวีปเอเชียพบได้เฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-ต้นเดือน
มีนาคม ส่วนมากเราจะเข้าใกล้ฝูงนกเป็ดน้ำได้ไม่มากนัก นกจะบินหนีขึ้นพร้อมๆกันครั้งละเป็นพันๆตัว พร้อมกับ
เสียงกระพือปีกพรึบพรับเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ส่วนใหญ่คนขับเรือจะรู้ว่าจะพบนกเป็ดน้ำได้ที่ไหน

      6.ดงกระจูดหนู เป็นพืชน้ำที่พบได้มาก มักขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เป็นที่หลบภัยของนกและสัตว์น้ำ
กระจูดหนูเป็นพืชที่มีลำต้นเปราะบาง ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุในการทำเครื่องใช้ การจับต้นกระจูดหนู
ควรระมัดระวัง ต้นเปราะและคมอาจบาดมือท่านได้ ต้นอ่อนของกระจูดหนูเป็นอาหารของนกอีโก้งและปลาบางชนิด
ที่ว่างๆในดงกระจูดหนูท่านอาจพบเป็ดคับแค หรือ สาหร่ายข้าวเหนียว พืชมีดอกไม่ใช่สาหร่ายแต่เราไปเรียก
มันว่าสาหร่าย สาหร่ายข้าวเหนียวมีดอกเล็กๆสีเหลือง เป็นพืชพิเศษชนิดหนึ่งที่สามารถจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก
กินเป็นอาหารได้ โดยใช้กระเปาะเล็กๆที่มีอยู่มากมายใต้น้ำเป็นกับดักจับ ลองหยุดเรือแล้วพิจารณาดูลักษณะ
ของกระเปาะดังกล่าว

      7.ศาลานางเรียม ตั้งอยู่ในบริเวณปากคลองนางเรียม เป็นศาลาที่ปลูกสร้างขึ้นกลางน้ำขนาดกลาง
รับน้ำหนักได้ราว 30 คน ศาลาน้ำเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมารับประทานอาหารกลางวัน ด้วยว่ามีบรรยากาศ
ร่มรื่น ลมเย็นสบาย (ที่สำคัญมีห้องสุขาไว้บริการ) รอบๆบริเวณศาลามีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจหลายชนิด เช่น บัวหลวง
ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือจะมีสีขาว ส่วนทางทิศใต้จะมีสีชมพู ทางทิศตะวันตกจะพบต้นเตยน้ำหลายต้นขึ้นรวมกลุ่ม
กันเป็นดงใหญ่ ในตอนใกล้ค่ำนกกระยางควายจะมาอาศัยนอนและถ่ายมูลทิ้งไว้เป็นหลักฐาน

      8.คลองนางเรียม เป็นคลองดั้งเดิม 1 ใน 3 คลองสำคัญและเป็นคลองสุดท้ายที่ยังมีน้ำไหลสะดวกไม่ตื้น
เขิน เช่น คลองดั้งเดิมอื่นๆ แต่เดิมทะเลน้อยเคยมีจระเข้อาศัยอยู่ค่อนข้างชุกชุม และคลองนางเรียมก็เป็นคลอง
ที่มีจระเข้ชุกชุมเช่นกัน เป็นที่น่าสนใจว่าปัจจุบันจระเข้เหลือเป็นเพียงตำนานให้เล่าขานกับเท่านั้น คลองนางเรียม
มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ ไหลไปออกทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านใช้คลองนี้เป็นทางสัญจรระหว่าง
ทะเลน้อยกับหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเล สองฝั่งคลองนางเรียมยังมีพันธุ์ไม้หลายชนิดปรากฏให้เห็น เช่น ต้นลำพู
ต้นกุ่มน้ำ จิกพรุ เสม็ดขาว บัวสาย บัวลินจง

      9.แหลมดิน เมื่อจะพ้นคลองนางเรียมทางขวามือเป็นทุ่งโล่งมีหญ้าสั้นๆขึ้นเขียวขจี โดยเฉพาะในฤดูฝน
ก่อนที่น้ำจะหลากท่วมราว 1-2 เดือน เมื่อพ้นคลองนางเรียมมาแล้วจะออกสู่ทะเลสาบ เราสามารถหาที่จอดเรือ
แล้วขึ้นฝั่งไปเดินบนดินได้ แหลมดินเป็นจุดดูนกน้ำและนกชายเลนได้เป็นอย่างดี มีนกเด่นๆ เช่น นกตีนเทียน
นกช้อนหอยขาว นกหัวโตหลังจุดสีทอง และ นกแอ่นทุ่งใหญ่ เป็นต้น ถ้าโชคดีอาจได้พบนกกาบบัว หรือ
นกตะกรุม เดินหากินอยู่บ้างก็ได้

นกน้ำทะเลน้อย
มุมหนึ่งในทะเลน้อย

      10.ดงบัวบา จากแหลมดินคนขับเรือจะนำท่านเข้าสู่คลองบ้านกลางและกลับเข้าสู่ตัวทะเลน้อยอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าท่านสังเกตสักนิด ขณะที่เรือแล่นผ่านดงกระจูดหนูหรือที่ว่างๆท่านอาจจะเห็นบัวชนิดหนึ่งที่ มีดอกสีขาวเล็กๆ
มีเกสรสีเหลือง นั่นแหละ บัวบา หรือ ชบาน้ำ บัวที่แปลกไปจากบัวชนิดอื่นที่ท่านเคยรู้จักมา ลองบอกให้คน
ขับเรือหยุดเรือ แล้วพิจารณาดูการเกิดดอก การแตกใบว่าแตกต่างจากบัวสายหรือบัวหลวงที่ท่านรู้จักมาก่อน
หรือไม่

      11.ผืนน้ำกว้าง หลังจากหาคำตอบจากบัวบาได้แล้วก็ถึงเวลาที่จะกลับที่ทำการฯ (ท่าเรือ) ทะเลน้อย
ช่วงนี้จะเป็นผืนน้ำกว้างและค่อนข้างลึก (1-2 เมตร) ไม่ค่อยมีพืชน้ำ ถ้าดูให้ดีจะเห็นเป็ดผีว่ายน้ำดำผุดดำว่าย
หาอาหารกินอยู่ไม่ไกลนัก ตามหลักไม้ที่มีผู้ปักทิ้งไว้มักจะพบนกกาน้ำเล็ก (ตัวสีดำ) เกาะกางปีกผึ่งแดดหลัง
จากดำน้ำหาปลากินจนอิ่มแล้ว ถ้าท่านเหนื่อยแล้วก็ลองนั่งหลับตานึกดูซิว่าการนั่งเรือเที่ยวในครั้งนี้
ท่านได้ความรู้อะไรบ้าง หรือถ้าเหนื่อยนักก็นั่งหลับได้เลย หลับสักงีบเล็กๆแต่ระวังอย่าลืมตัวตกน้ำไปก็แล้วกัน

ข้อปฏิบัติในการเที่ยวทะเลน้อย  
          เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทะเลน้อย ส่วนใหญ่เป็นเส้นทางที่ต้องใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการชมธรรมชาติ
การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องของนักท่องเที่ยวย่อมนำมาซึ่งความปลอดภัย ความสะดวกและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ของแหล่งท่องเที่ยวควรปฏิบัติตัวดังนี้

1.ศึกษาข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับนกน้ำและธรรมชาติของทะเลน้อยล่วงหน้า
2.ปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของกรมป่าไม้
3.ลงเรือด้วยความระมัดระวัง และพยายามนั่งให้น้ำหนักของผู้โดยสารกระจายอยู่กลางๆลำเรือ          ขณะเรือแล่นไม่ควรยื่นมือหรือเท้าออกไปนอกเรือ หรือ ทำให้เรือเสียการทรงตัว
4.ขยะทุกชิ้นควรนำกลับมาทิ้งในถังขยะบนฝั่ง ถ้าพบขยะกรุณาเก็บมาทิ้งด้วย
5.ไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนขณะชมธรรมชาติ
6.ไม่เก็บดอกไม้ หรือ ทำลายพืชพันธุ์ตามธรรมชาติที่ปรากฏตามทางศึกษาธรรมชาติ

ติดต่อขอข้อมูลการท่องเที่ยว / ที่พัก  
     - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โทร.0 7468 5230
- สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลน้อย โทร.0 7468 5599
- สำนักงาน ททท.ภาคใต้ เขต 2 โทร.0 7434 6514-6 
- บ้านพักตากอากาศ "พรมเงิน" ริมทะเลน้อย โทร.0 7468 5225, 0 7468 5330
- บ้านพักในอุทยานกน้ำทะเลน้อย โทร.0 7468 5230
- สวนพฤกษศาสตร์ ถนนสายลำปำ-ทะเลน้อย โทร.0 7461 4224
 

การเดินทาง  
  • การเดินทางไปทะเลน้อย หากจะเริ่มจากกรุงเทพฯก็สามารถไปได้สะดวกทั้งทางรถยนต์ รถไฟ และเครื่องบิน โดยจุดหมายปลายทางอยู่ที่จังหวัดพัทลุง
  • เครื่องบินต้องบินไปลงหาดใหญ่ หรือตรังแล้วนั่งรถยนต์มาที่พัทลุงและทะเลน้อยตามลำดับ
  • รถไฟ มีรถผ่านสถานีพัทลุงทุกวัน ติดต่อสถานีรถไฟกรุงเทพฯ โทร.0-2223-7010,0-2223-7020
  • รถยนต์ มีรถประจำทางแบบธรรมดาและปรับอากาศ ออกเดินทางจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ (กรุงเทพฯ)ทุกวัน จากพัทลุงจะต้องนั่งรถสองแถวไปยังทะเลน้อย (มีคิวรถสองแถว พัทลุง-ทะเลน้อยอยู่ใกล้สถานีรถไฟ)โดยใช้เส้นทางหลวงสาย 4048 ผ่านอำเภอควนขนุน ตลาดปากคลอง สุดปลายทางที่ทะเลน้อย เป็นระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร
 
แผนที่สู่ทะเลน้อย
 

ภาพและข้อมูลโดย
- สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าทะเลน้อย
- สำนักงาน ททท.ภาคใต้ เขต 2
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง