Wednesday, September 12, 2012

วัดพะโคะ (วัดพระราชประดิษฐาน)


วัดพะโคะ หรือ วัดพระราชประดิษฐาน เป็นวัดจำพรรษาของ สมเด็จพะโคะหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งประชาชนให้ความนับถือเป็นอันมาก สร้างประมาณ พ.ศ.500
วัดพะโคะ เจดีย์พระมาลิกเจดีย์ สงขลา พะโคะ หรือ พระโคตมะ วัดพะโคะ สงขลา
ภาพ ซ้าย : พระมาลิกเจดีย์ ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ในสมัยสมเด็จพระราชมุณี ซึ่งเจดีย์แห่งนี้มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายกับพระบรมธาตุ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ เจดีย์แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาพะโคะ ซึ่งทางวัดได้สร้างมณฑปครอบไว้
ภาพขวา : พระพุทธไสยาสน์ หรือ พระโคตมะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดพะโคะ
มี เรื่องที่เล่า ต่อๆ กันมาว่า วันหนึ่งมีโจรสลัดแล่นเรือเลียบมาตามฝั่ง เห็นสมเด็จพะโคะเดินอยู่มีลักษณะแปลกกว่าคนทั้งหลายจึงใคร่จะลองดี โจรสลัดจอดเรือและจับสมเด็จพะโคะไป เมื่อเรือแล่นมาได้สักครู่เกิดเหตุเรือแล่นต่อไปไม่ได้ ต้องจอดอยู่หลายวัน จนในที่สุดน้ำจืดหมดลงโจรสลัดเดือดร้อน สมเด็จพะโคะสงสาร จึงเอาเท้าซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเลเกิดเป็นประกายโชติช่วง น้ำทะเลกลายเป็นน้ำจืด โจรสลัดเกิดความเลื่อมใสศรัทธากราบไหว้ขอขมา และนำสมเด็จพะโคะขึ้นฝั่ง ตั้งแต่นั้นมาประชาชนจึงพากันไปกราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลเพื่อการเดินทางไปวัดพะโคะวัด พะโคะ หรือ วัดพระราชประดิษฐาน ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลชุมพร บริเวณเขาพัทธสิงค์ อยู่ห่างจากสงขลา 48 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 407 ทางสะพานติณสูลานนท์ผ่านเกาะยอ แล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4083 (สงขลา-ระโนด) หลักกิโลเมตรที่ 110 ทางซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางเข้าวัดพะโคะ


ประวัติวัดพะโคะ (วัดพระราชประดิษฐาน)

บ้านเมืองเราเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา จนได้ชื่อว่า “ เป็นแผ่นดินธรรม ” วิถีชีวิตผู้คนเกี่ยวเนื่องกับวัดแทบทั้งสิ้น การสร้างศาสนสถานแต่ละแห่ง คนโบราณส่วนใหญ่มักจะสอดแทรกเรื่องราวเกี่ยวกับคติธรรมความเชื่อไว้อย่างแยบคาย ศาสนสถานล้วนมีจุดเด่น ของดีของวิเศษแตกต่างกันออกไป

เดิมวัดนี้ปรากฏว่าพระชินเสนเป็นผู้สร้างราว พ.ศ.๕๐๐ ชื่อว่าวัดพระราชประดิษฐาน ฝังวิสุงคามสีมา พ.ศ.๘๔๐ พระยาธรรมรังคัลเจ้าเมืองพัทลุง (สทิงคามสีมา) เป็นศาสนูปถัมภ์สร้างถาวรวัตถุหลายอย่างเพราะเห็นความสำคัญของวัดเขาพระพุทธบาท หรือวัดพระราชประดิษฐาน ครั้นต่อมา ระหว่าง พ.ศ.๒๐๙๑-๒๑๑๑ พระยาดำธำรงกษัตริย์(บางแห่งกล่าวว่าพระยาธรรมรังคัล) ได้นิมนต์พระมหาอโนมทัสสี พระณไสยมุยและ พระธรรมกาวา ให้ไปเอากระบวนพระมหาธาตุ เมืองลังกา และมาสร้างเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ สูงหนึ่งห้าวา ทำพระวิหารธรรมศาลา ทำอุโบสถ สร้างกำแพงสูงหกศอกระหว่างเขตสังฆาวาสที่พักสงฆ์อาศัยส่วนลดต่ำทางทิศตะวันตกของพื้นที่วัดส่วนที่ เป็นเนินสูงราบเป็นชั้น ๆ พื้นที่วัดทางทิศตะวันออกเป็นพุทธาวาส สถานที่ปลูกสร้างปูชนียวัตถุโบราณสถาน เช่น พระวิหาร พระพุทธไสยาสน์ พระเจดีย์ อุโบสถ ธรรมศาลา เป็นต้น และสร้างพระพุทธไสยาสน์ ชื่อว่าพระพุทธโคตรมะตามความนิยมของชาวบ้านเรียกชื่อวัดตามชื่อพระโคตรมะ ชื่อวัดพระราชประดิษฐานเดิมไม่นิยมใช้เรียกกันครั้นต่อมาวัดพระโคตะมะ เรียกเพี้ยนเป็นวัดพะโคะ ในกาลครั้งนั้นกษัตริย์หัวเมืองพัทลุง (สทิงพระ) และคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ทำฎีกาเข้าไปยังกรุงศรีอยุทธยาขอทำกัลปนาต่อพระเจ้าอยู่ได้พระราชทานที่กัลปนาแก่วัดวาอารามต่าง ๆ

ในเขตหัวเมืองนครศรีธรรมราช และเมืองพัทลุง (ดังปรากฏว่าด้วยการพระราชทานที่กัลปนาสำเนาจากหนังสือเทศาภิบาลเล่ม ๑ ที่นำมาลงพิมพ์บางตอนพอเป็นสังเขปซึ่งเกี่ยวกับพะโคะเท่านั้น)

ปัจจุบัน

ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลชุมพร บริเวณเขาพัทธสิงค์ อยู่ห่างจากสงขลา 48 กิโลเมตร เป็นวัดจำพรรษาของ สมเด็จพะโคะหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งประชาชนให้ความนับถือเป็นอันมาก สร้างประมาณ พ.ศ.500 เล่ากันว่า วันหนึ่งมีโจรสลัดแล่นเรือเลียบมาตามฝั่ง เห็นสมเด็จพะโคะเดินอยู่มีลักษณะแปลกกว่าคนทั้งหลายจึงใคร่จะลองดี โจรสลัดจอดเรือและจับสมเด็จพะโคะไป เมื่อเรือแล่นมาได้สักครู่เกิดเหตุเรือแล่นต่อไปไม่ได้ ต้องจอดอยู่หลายวัน จนในที่สุดน้ำจืดหมดลงโจรสลัดเดือดร้อน สมเด็จพะโคะสงสาร จึงเอาเท้าซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเลเกิดเป็นประกายโชติช่วง น้ำทะเลกลายเป็นน้ำจืด โจรสลัดเกิดความเลื่อมใสศรัทธากราบไหว้ขอขมา และนำสมเด็จพะโคะขึ้นฝั่ง ตั้งแต่นั้นมาประชาชนจึงพากันไปกราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก
      

การเดินทาง

       การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 407 ทางสะพานติณสูลานนท์ผ่านเกาะยอ แล้วเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 4083 (สงขลา-ระโนด) หลักกิโลเมตรที่ 110 ทางซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางเข้าวัดพะโคะ

ชวนไปกราบหลวงพ่อทวดวัดพะโคะ


รูปหล่อหลวงปู่ทวด ปางธุดงค์ วัดพะโคะ
       "รู้จักหลวงพ่อทวดไหม?" ผมว่าคำถามนี้ทุกคนตอบได้
       และเมื่อชวนไปกราบ"หลวงพ่อทวด" ส่วนใหญ่ก็จะเข้าว่าชวนไปวัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี

       วันนี้ ผมจะชวนไปกราบไหว้หลวงพ่อทวดที่วัดพะโคะครับ
       เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้ หลายคนคง"งง"ว่าวัดพะโคะไหน เพราะ(หลายคน)ไม่เคยได้ยิน และไม่รู้จัก
       วัดพระโคะ อยู่จังหวัดสงขลาครับ

       สำหรับวัดพะโคะ มีชื่อทางการว่า "วัดราชประดิษฐาน"
       วัดพะโตะ เป็นวัดที่"สมเด็จพะโคะ"หรือ"หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด"เคย จำวัด สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2057 สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 บนเขาพะโคะหรือเขาพัทธสิงค์ โดยมีเจดีย์องค์ใหญ่เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นบนยอดเขา และมีโบราณวัตถุหลายอย่าง เช่น พระมาลิกเจดีย์ วิหารพุทธไสยาสน์ รอยบาท ศาลาตัดสินความ พระทรงเครื่อง หลักล่ามช้าง และศิวลึงค์ เป็นต้น
       สำหรับเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นที่ประดิษฐานพระมหาธาตุของพระพุทธเจ้าที่นำมาจากเมืองลังกา ส่วนพระพุทธไสยาสน์ มีชื่อว่า"พระพุทธโคตมะ" ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า"พระโคตมะ" และเรียกวัดนี้ว่า วัดพระโคตมะ ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นวัดพะโคะ
       บริเวณวัด มีภูเขา 4 ลูกคือ เขาพระพุทธบาท(พะโคะ) เขาพนังตุกแก(เขาน้อย) เขาคูหา และเขาผี และมีชุมชนอยู่ใกล้บริเวณเขาทั้งสี่ ซึ่งตามตำนานในอดีตเล่าว่า เจ้าเมืองลังกาทรงให้ชุมชนเหล่านี้ช่วยเหลือกิจของวัดพะโคะเนื่องในวันสำคัญ ทางศาสนาเสมอมา
       ความสำคัญ อีกประการหนึ่งของวัดพะโคะ คือเป็นที่กำเนิดและอุปสมบทของหลวงปู่ทวด วัดจึงนำสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ทวดมาให้ประชาชนชมและกราบไหว้บูชา พร้อมนำเสนอประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทวด จึงเปิดพิพิธภัณฑ์วัดพะโคะ ให้ประชาชนเข้าชมและสักการะเมื่อพ.ศ. 2536 โดยของที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ อาทิ พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผาเครื่องทองเหลือง มีดพร้า ตะบันหมากทองเหลือง ธนบัตรและเหรียญสมัยก่อน เครื่องถ้วยกระเบื้อง รวมทั้งวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อทวด เช่น อัฐบริขาร จีวร ไม้เท้าของหลวงปู่ทวด ลูกแก้วบารมี เป็นต้น

       วัดพะโคะ อยู่บริเวณเขาพัทธสิงค์ หมู่ที่ 6 ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ
       การเดินทาง ตั้งต้นจากหาดใหญ่สะดวกครับ เพราะสามารถใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 407 ไปทางสะพานติณสูลานนท์ แล้วเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4083 ซึ่งเป็นทางเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ช่วงสงขลา-สทิงพระ หลักกิโลเมตรที่ 110 โดยให้สังเกตุทางซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางเข้าวัดพะโคะ
       ส่วนใครมาจากตัวเมืองสงขลา วัดพะโคะ จะอยู่ห่างประมาณ 48 กิโลเมตรครับ

       สำหรับ"สมเด็จพะโคะ" หรือ "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" มีประวัติความเป็นมาว่า วันหนึ่งมีโจรสลัดแล่นเรือเลียบมาตามฝั่ง เห็นสมเด็จพะโคะเดินอยู่มีลักษณะแปลกกว่าคนทั้งหลาย จึงใคร่จะลองดี โจรจึงจอดเรือและจับสมเด็จพะโคะไป
       เมื่อเรือแล่นไปได้พักหนึ่ง ก็เกิดเหตุเรือแล่นต่อไม่ได้ ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เรือต้องจอดอยู่เช่นนั้นหลายวัน จนน้ำจืดที่มีอยู่หมด โจรสลัดมีความเดือดร้อน สมเด็จพะโคะสงสาร จึงได้เอาเท้าข้างซ้ายแช่ลงไปในน้ำทะเล เกิดเป็นประกาย โชติช่วงและน้ำทะเลกลายเป็นน้ำจืด
       โจรสลัดเกิดความเลื่อมใส ศรัทธากราบไหว้ขอขมา และนำสมเด็จพะโคะขึ้นฝั่ง ตั้งแต่นั้นมาประชาชน จึงพากันไปกราบไหว้บูชากันเป็นจำนวนมาก

       ขณะเดียวกัน ตามพงศาวดารเมืองพัทลุง เรียกวัดว่า "วัดหลวง" สร้าง ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้พระราชทานที่กัลปนา(ยกให้) ครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. 2057 ต่อมาสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. 2091 - 2111) ได้รับพระราชทานที่กัลปนาวัดนี้ เรียกว่า"วัดราชประดิษฐาน" และได้สร้างพระโคตมะ หรือพระพุทธรูปไสยาสน์ ที่ประดิษฐานอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้
       วัดพะโคะ เคยถูกโจรสลัดมลายู ยกทัพเรือมาปล้น 2 ครั้ง เผาผลาญทำลายพระมาลิกเจดีย์ วิหารพระพุทธบาท และศาสนสถานอื่นๆจำนวนมาก จึงต้องมีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะครั้งสำคัญขึ้น ในครั้งที่สมเด็จพระราชมุนีสามิราม (สมเด็จพระโคะหรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ขอพระราชทานที่กัลปนาใหม่ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ (ระหว่าง พ.ศ. 2148 - 2158) ได้บูรณะ พระมาลิกเจดีย์สูง 1 เส้น 5 วา (สูงกว่าเดิม 5 วา) โดยได้รับพระราชทานยอดพระเจดีย์เนื้อเบญจโลหะ ยาว 3 วา 3 คืบ มาจากกรุงศรีอยุธยาสมเด็จพระราชมุนีมีความสำคัญต่อวัดนี้มากจนได้มี อนุสาวรีย์ปางธุดงค์จาริกของท่านไว้เคารพสักการะ

       วัดพะโคะ เป็นวัดที่มีความสำคัญต่อชุมชนมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นสถานที่กระทำพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเมืองพัทลุง เป็นวัดที่ประดิษฐานพระมาลิกเจดีย์พระพุทธไสยาสน์หรือพระโคตมะ และอนุสาวรีย์หลวงพ่อทวด (สมเด็จพระราชมุนีสามิราม) ในลักษณะจาริกธุดงค์ ซึ่งเป็นที่ศรัทธาและเคารพบูชาของชาวไทยและชาวต่างประเทศใกล้เคียง มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้       สำหรับ พระมาลิกเจดีย์ เป็นสถาปัตยกรรมภาคใต้แบบลังกาสมัยอยุธยา นอกจากเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุแล้ว ยังมีพระพุทธไสยาสน์ยาว 18 เมตร สูง 25 เมตร ฝีมือช่างท้องถิ่น เรียกว่า พระโคตมะ (พะโคะ) ประดิษฐานในพระวิหาร ด้านทิศเหนือของเจดีย์ มีโบราณสถานและโบราณวัตถุล้ำค่าอีกมากมาย
       ไปสงขลา ...นอกจากซื้อของที่หาดใหญ่ ชมทะเลที่สงขลา ไปคราวหน้าอย่าลืมแวะกราบ"หลวงพ่อทวดวัดพะโคะ"นะครับ...

0 comments:

Post a Comment